Line@

เพิ่มเพื่อน

Mainnox - เมนนอกซ์ ยาบรรเทาอาการปวดประจำเดือน ลดอาการเกร็ง

mainnox - เมนนอกซ์ ยาบรรเทาอาการปวดประจำเดือน ลดอาการเกร็ง แก้อาการปวดท้องเมนส์

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

3 ท่านอนแก้ปวดท้องประจำเดือน ช่วยมนุษย์เมนส์หลับเต็มตื่นโดยไม่ทรมาน



วิธีแก้ปวดประจำเดือนของสาว ๆ แค่นอนในท่าที่เขาบอกว่านี่แหละคือท่านอนที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์เมน อาการปวดประจำเดือนก็จะบรรเทาลงได้ ไม่ต้องพึ่งยาหรือถุงน้ำร้อนเลย 
 
สำหรับสาว ๆ ที่ปวดประจำเดือนแต่ไม่อยากพึ่งยาแก้ปวดประจำเดือน และไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับถุงน้ำร้อน ลองมาใช้วิธีแก้ปวดประจำเดือนด้วย 3 ท่านอนที่เหมาะกับมนุษย์เมนส์อย่างเรา ๆ ดูบ้างดีกว่า


1. นอนขดตัว

          การนอนขดตัวในท่าเดียวกับทารกในครรภ์จะช่วยแก้ปวดท้องประจำเดือนของคุณสาว ๆ ได้ ยืนยันได้จากผลการวิจัยของลิซ่า ลินด์ลีย์ และเจนนิเฟอร์ ไวเดอร์ สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแห่ง Eisenhower Women's Health ที่อธิบายไว้ว่า การนอนขดตัวจะช่วยลดการกดทับท้องน้อย ทำให้อาการปวดประจำเดือนของสาว ๆ ทุเลาลงได้ อีกทั้งท่านี้ยังช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบ ๆ หน้าท้อง ส่งผลให้อาการปวดเกร็งบรรเทาเบาบางตามไปด้วยค่ะ


2. นอนหงาย หนุนหมอนใต้เข่า

          ท่านอนหงายเป็นท่าที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะอยู่ในท่าทางที่สบายที่สุด กล้ามเนื้อหน้าท้องก็จะอยู่ในลักษณะผ่อนคลาย ส่งผลให้อาการปวดประจำเดือนของสาว ๆ บรรเทาลงไปได้ในระดับหนึ่ง และหากนำหมอนมาหนุนบริเวณใต้เข่าด้วย ก็จะช่วยเลี่ยงไม่ให้กระดูกสันหลังอยู่ในลักษณะโค้งมากเกินไป จนอาจส่งผลให้ยิ่งปวดท้องประจำเดือน­­­มากขึ้นกว่าเดิมได้ แต่หากนอนในท่านี้แล้วยังไม่หายปวดประจำเดือน คุณสาว ๆ สามารถเพิ่มหมอนรองใต้ขาได้อีกจนกว่าจะอยู่ในจุดที่รู้สึกสบายท้องมากขึ้น

3. นอนตะแคง

           ข้อมูลจาก National Sleep Foundation ระบุว่า กลุ่มอาสาสมัครที่นอนตะแคง นอนหงาย และนอนหนุนหมอนใต้เข่าหลาย ๆ ใบ จะมีอาการปวดท้องประจำเดือนน้อยกว่ากลุ่มอาสาสมัครที่นอนคว่ำหน้า ดังนั้นท่านอนตะแคงไม่ว่าจะนอนตะแคงซ้ายหรือนอนตะแคงขวาก็น่าจะช่วยแก้ปวดประจำเดือนของคุณสาว ๆ ได้เหมือนกัน




 ทว่าหากใครลองนอนตะแคงแล้วยังปวดท้องประจำเดือนอยู่อีก แนะนำให้นอนตะแคงพร้อมกับงอเข่า 1 ข้าง หรือจะหาหมอนข้างที่มีความหนามากพอจะหนุนเข่าให้ยกสูงในระดับเดียวกับศีรษะมากอดไว้ก็ได้ เพื่อให้แนวกระดูกสันหลังของร่างกายตั้งแต่คอมาถึงส่วนหลังอยู่ในแนวเดียวกัน ซึ่งจะช่วยลดทอนแรงกดทับบริเวณหน้าท้อง และช่วยป้องกันอาการปวดหลังไปในตัวด้วยนั่นเอง

          นอกจาก 3 ท่านอนแก้ปวดประจำเดือนแล้ว สาว ๆ ควรต้องรู้ไว้ด้วยนะคะว่าในช่วงวันนั้นของเดือนไม่ควรนอนคว่ำโดยเด็ดขาด เพราะท่านอนคว่ำเป็นท่าที่กดทับกล้ามเนื้อหน้าท้องแบบจัง ๆ ซึ่งอาจทวีอาการปวดท้องประจำเดือนของสาว ๆ ได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Glamour Health
National Sleep Foundation

----------------------------------------------------------------
‪#‎Mainnox‬ - เมนน็อกซ์ ‪#‎บรรเทาอาการปวด‬ ‪#‎ลดอาการเกร็ง‬ 
- ยาบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนอย่างมีประสิทธิภาพ
- ผลิตภัณฑ์ตัวเดียว ที่มีสารMefenamix acid เพื่อลดอาการปวด
- และ Dicyclomine HCI เพื่อลดอาหารเกร็งของกล้ามเนื้อ 
ซึ่งเป็น2อาการหลักของผู้ปวดท้องประจำเดือน
----------------------------------------------------------------
• มีสารDicyclomine HCI เพื่อลดอาหารเกร็ง
• หาซื้อได้ตามร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ
>>> Line ID : @Mainnox หรือ กด http://line.me/ti/p/%40mainnox



วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559

9 ข้อควรทำของนักวิ่งมาราธอน เตรียมให้พร้อมก่อนวิ่งระยะไกล




วิธีเตรียมตัววิ่งมาราธอน สำหรับนักวิ่งมือใหม่ที่อยากลองลงสนามวิ่งระยะไกลจริง ๆ ดูสักตั้ง หรือแม้แต่การวิ่งมินิฮาล์ฟมาราธอนก็ควรต้องทำตามนี้เพื่อป้องกันการล้มตึงก่อนถึงเส้นชัย
    
          การวิ่งมาราธอนเป็นการวิ่งในระยะทางประมาณ 42.195 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นการวิ่งระยะไกลมากและอาจจะหนักเกินไปสำหรับมือใหม่ ดังนั้นสิ่งที่นักวิ่งทุกคนควรทำก่อนจะลงสนามจริง ก็คือการเตรียมตัววิ่งมาราธอนให้พร้อมตามนี้ 
    
          อ้อ ! บอกก่อนว่าวิธีนี้นำไปใช้เตรียมตัวก่อนวิ่งมินิฮาล์ฟมาราธอน (10.5 กิโลเมตร) หรือการวิ่งฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กิโลเมตร) ได้ด้วยนะคะ



1. วิ่งออกกำลังกายให้ร่างกายรู้สึกชิน

          ก่อนจะลงวิ่งมาราธอนหรือมินิฮาล์ฟมาราธอน ต้องมั่นใจก่อนว่าร่างกายของเราพร้อมจะวิ่งระยะไกลแล้ว โดยควรต้องเป็นคนที่วิ่งออกกำลังกายอยู่เป็นประจำและต่อเนื่องอย่างน้อย 1 ปีก่อนลงวิ่งมาราธอน เพื่อเป็นการฝึกกล้ามเนื้อร่างกายให้รู้สึกชิน นับเป็นการป้องกันอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อไปด้วยในตัว

2. ซ้อมวิ่งระยะไกลไว้ด้วย
    
          เพื่อเป็นการเทรนร่างกายในเบื้องต้น ก็ควรต้องซ้อมวิ่งให้ได้ระยะทางรวมกันสัปดาห์ละ 24-32 กิโลเมตร อย่างน้อยเป็นเวลา 4-6 เดือนก่อนลงวิ่งมาราธอน ทว่าในช่วงเวลาก่อนลงสนามจริง ควรลดความถี่ในการฝึกซ้อมวิ่งระยะไกลให้ไม่เกิน 6 ครั้งก่อนลงวิ่งมาราธอน ทั้งนี้ก็เพื่อพักฟื้นร่างกายไม่ให้กล้ามเนื้ออ่อนล้าเกินไปก่อนลงสนามจริงนั่นเอง
    
          อย่างไรก็ตาม ทางวารสารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้แนะนำตารางฝึกซ้อมวิ่งระยะไกลก่อนลงสนามวิ่งมาราธอนมาตามนี้ด้วยค่ะ

          วันอาทิตย์ : เริ่มซ้อมวิ่งระยะไกล
          วันจันทร์ : เป็นวันพักผ่อน หรืออาจจะวิ่งสบาย ๆ ไม่เร่ง
          วันอังคาร : จะเพิ่มโปรแกรมวิ่งให้หนักขึ้น และเพิ่มระยะทางให้ไกลขึ้น
          วันพุธ : วิ่งสบาย ๆ ไม่ควรหักโหมเกินไป เป็นการพักหลังจากซ้อมหนักมาเมื่อวาน
          วันพฤหัสบดี : วิ่งให้หนักอีกครั้งแบบเท่าตัว
          วันศุกร์ : ซ้อมวิ่งธรรมดา ไม่หนักหรือเบาเกินไป
          วันเสาร์ : เป็นวันพักผ่อน ก่อนจะต้องซ้อมวิ่งระยะไกลในวันอาทิตย์อีกครั้ง

    

3. ซ้อมวิ่งเสมือนจริง
    
          หากคิดว่าฝึกซ้อมจนร่างกายฟิตแล้ว ประมาณ 2-3 เดือนก่อนลงแข่งขัน ให้ลองซ้อมวิ่งในระยะทาง 24 กิโลเมตรแบบม้วนเดียวจบ และควรทดสอบตัวเองด้วยการลงวิ่งระยะไกล (10 กิโลเมตร) อย่างน้อย 2 ครั้งก่อนลงวิ่งมาราธอน

4. ไม่ควรฝืนร่างกาย
    
          หากระหว่างการซ้อมวิ่งเกิดบาดเจ็บหรือป่วยขึ้นมา ห้ามซ้อมวิ่งต่อเด็ดขาด จนกว่าอาการเจ็บป่วยจะหายสนิทจริง ๆ 

5. พักผ่อนให้เพียงพอ
    
          ก่อนลงสนามวิ่งมาราธอนจริง ๆ ต้องพักผ่อนให้เต็มอิ่ม อย่างน้อยต้องนอนหลับไม่ต่ำกว่า 7 ชั่วโมง เพื่อที่ตื่นมาจะได้รู้สึกกะปรี้กระเปร่า 

6. เลือกกินอาหารให้ถูกหลัก 
 
          สำหรับนักวิ่งมือใหม่ควรต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในช่วงที่ซ้อมวิ่งระยะไกล แต่ในช่วงก่อนเริ่มลงสนามวิ่งประมาณ 1 ชั่วโมง ควรกินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตสักเล็กน้อย เช่น ขนมปังหรือกล้วย 1 ลูก เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานไปใช้ในการวิ่ง 

7. น้ำก็สำคัญ

          ก่อนถึงเวลาลงสนามประมาณ 20-30 นาที นักวิ่งควรดื่มน้ำ 1-2 แก้ว และเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ส่วนในระหว่างที่เราวิ่งอยู่ ร่างกายจะสูญเสียน้ำไปเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นนักวิ่งจึงควรจิบน้ำเป็นระยะ ๆ ในระหว่างวิ่ง โดยเฉพาะตอนที่รู้สึกกระหายน้ำจนปากคอแห้ง ซึ่งแปลว่าร่างกายกำลังอยู่ในสภาวะขาดน้ำ ควรแวะหยิบน้ำจากจุดบริการมาจิบแก้กระหายโดยเร็วที่สุด 
8. หยุดพักบ้างก็ได้

          หากคุณใช้เวลาวิ่งนานเกิน 3 ชั่วโมง ควรหยุดพักด้วยการเดินเพื่อสูดอากาศเข้าปอดให้เต็มที่ เป็นการเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายไม่รู้สึกอ่อนล้าจนเกินไป เมื่อพักจนรู้สึกดีขึ้นแล้วค่อยเริ่มวิ่งต่อ



9. ยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพิ่มความฟิต ! 
    
          ก่อนวิ่งมาราธอนก็ควรยืดเหยียดร่างกายเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดไปพร้อม ๆ กัน โดยควรวอร์มร่างกายประมาณ 10-15 นาทีเป็นอย่างต่ำ 
    

CR. สสส, หมอชาวบ้าน
    
----------------------------------------------------------------
‪#‎Mainnox‬ - เมนน็อกซ์ ‪#‎บรรเทาอาการปวด‬ ‪#‎ลดอาการเกร็ง‬ 
- ยาบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนอย่างมีประสิทธิภาพ
- ผลิตภัณฑ์ตัวเดียว ที่มีสารMefenamix acid เพื่อลดอาการปวด
- และ Dicyclomine HCI เพื่อลดอาหารเกร็งของกล้ามเนื้อ 
ซึ่งเป็น2อาการหลักของผู้ปวดท้องประจำเดือน
----------------------------------------------------------------
• มีสารDicyclomine HCI เพื่อลดอาหารเกร็ง
• หาซื้อได้ตามร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ
>>> Line ID : @Mainnox หรือ กด http://line.me/ti/p/%40mainnox

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2559

5 วิธี เผาผลาญแคลอรี ให้มากสุด ด้วยการเล่น Pokemon Go!!

  
                                                                           mainnox
  


แต่ก่อนเดินไปไหนมาไหน ก็เห็นแต่คนเดินก้มหน้าแชทไลน์ เล่นเฟซบุ๊กกันเต็มไปหมด แต่นาทีนี้บอกเลยว่า ก้มหน้าแชทไลน์น่ะ เค้าเปลี่ยนไปแล้วล่ะค่ะ มันต้องก้มหน้าจับ โปเกมอน ต่างหาก!


     เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่มาแรงที่สุดตอนนี้เลยล่ะค่ะ สำหรับ Pokemon GO เกมจับโปเกมอนสุดฮิตที่คนไทยรอคอยมาแสนนาน! แต่สาวไหนที่จะเล่นทั้งที ก็ต้องเล่นให้เกิดประโยชน์สูงสุดค่ะ ด้วยการเล่นไปเผาผลาญแคลอรีไปนี่ล่ะ! แล้วจะเผาผลาญแคลอรีให้ได้เยอะที่สุดจากการเล่นเกมนี้ยังไง เราแนะนำ 5 วิธีนี้เลย!



 1. เดินวนไปค่ะ

     แน่นอนว่า เกมนี้เค้าคิดค้นขึ้นมาให้เราเดินหาโปเกมอนใช่มั้ยล่ะคะ ฉะนั้นเดินไปค่ะสาวๆ จะเดินวนรอบบ้าน เดินบนลู่วิ่ง หรือจะเดินนอกบ้านก็ได้เช่นกัน (แต่อย่าลืมดูทางด้วยนะคะ) เพราะการเดินเพียง 1 ไมล์ หรือประมาณ 1.6 กิโลเมตร ก็ช่วยเผาผลาญแคลอรีได้มากถึง 100 แคลอรีเชียวล่ะ! และถ้าสาวๆ เดินทุกวันวันละประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะสามารถเผาผลาญแคลอรีได้ถึงวันละ 500 แคลอรี ซึ่งในหนึ่งอาทิตย์สาวๆ จะลดน้ำหนักไปได้ถึงครึ่งกิโลเลยล่ะ!




 2. เพิ่มความเร็วในการเดิน

     สาวไหนที่อยากจับโปเกมอนให้ได้เยอะ แถมเผาผลาญแคลอรีได้เพียบ ง่ายๆ เลยค่ะ เพียงแค่คุณเร่งสปีดในการเดิน จะเปลี่ยนเป็นเดินเร็ว หรือจะเป็นการวิ่งจ็อกกิ้งช้าๆ ก็ช่วยเบิร์นแคลอรีได้มากขึ้นแล้วล่ะค่า




                                                                          mainnox


 3. เดินขึ้นเขาไปเลย!

     งานนี้บ้านใครที่มีเส้นทางเดินเขา หรือมีเส้นทางสูงชัน แนะนำว่า เดินขึ้นไปเลยค่ะ เพราะนอกจากการเร่งสปีดการเดินแล้ว การเดินบนเส้นทางที่สูงชันยังช่วยยืดกล้ามเนื้อ เผาผลาญแคลอรีได้มากกว่าการเดินบนถนนธรรมดาๆ อีกด้วย ที่สำคัญการเดินบนทางชันแบบนี้ยังเป็นแรงจูงใจให้คุณต่อสู้ และพยายามเดินไปให้ถึงปลายทางอีกด้วยนะ






 4. เพิ่มน้ำหนักขณะเดิน

     เพิ่มน้ำหนักในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการเดินไปกินไปนะคะสาวๆ แต่เราหมายถึงการแบกน้ำหนักเพิ่มขึ้น เช่น การใส่เสื้อถ่วงน้ำหนัก หรือใส่ที่ถ่วงน้ำหนักข้อเท้า นั่นเอง เพราะการใส่อุปกรณ์แบบนี้จะช่วยเพิ่มการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อกล้ามเนื้อมีการทำงานหรือถูกกระตุ้นก็จะช่วยให้เราเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้นนั่นเอง!



 5. พาโปเกมอนไปหาอาหารสุขภาพกินกัน!

     แม้คุณจะออกกำลังกายหรือเดินมากขนาดไหน แต่ถ้าคุณไม่ควบคุมเรื่องอาหารการกิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดน้ำหนักแล้วล่ะก็ นั่นก็ไม่ช่วยให้การเผาผลาญแคลอรีของคุณมีประโยชน์ขึ้นมาค่ะ ฉะนั้นหยิบโทรศัพท์เดินไปหาโปเกมอนตามสถานที่ที่ขายอาหารสุขภาพดูบ้างค่ะ ไม่แน่ นอกจากจะได้โปเกมอนแล้ว คุณยังได้อาหารที่ดีต่อสุขภาพติดมือกลับมาด้วยนะ!




    cr.women.truelife.com 

----------------------------------------------------------------
‪#‎Mainnox‬ - เมนน็อกซ์ ‪#‎บรรเทาอาการปวด‬ ‪#‎ลดอาการเกร็ง‬ 
- ยาบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนอย่างมีประสิทธิภาพ
- ผลิตภัณฑ์ตัวเดียว ที่มีสารMefenamix acid เพื่อลดอาการปวด
- และ Dicyclomine HCI เพื่อลดอาหารเกร็งของกล้ามเนื้อ 
ซึ่งเป็น2อาการหลักของผู้ปวดท้องประจำเดือน
----------------------------------------------------------------
• มีสารDicyclomine HCI เพื่อลดอาหารเกร็ง
• หาซื้อได้ตามร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ
>>> Line ID : @Mainnox หรือ กด http://line.me/ti/p/%40mainnox

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

7 หลักการกินเพื่อเสริมการทำงานของสมอง

   



 วิถีการดำเนินชีวิตของคนในปัจจุบันมักถูกกดดันจากสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสังคม เศรษฐกิจ ครอบครัวหรือการทำงาน ต่างบั่นทอนพลังกาย พลังสมอง บ่อยครั้งที่เรารู้สึกเหนื่อยล้าอยู่ตลอดเวลา สมองตื้อ ไม่มีสมาธิ ความจำไม่ค่อยดี ถ้าปล่อยไว้นานอาจส่งผลให้ร่างกายเกิดเจ็บป่วยตามมา ประโยชน์ของโภชนาการเริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการเสริมสร้างสุขภาพและเพิ่มพลังให้กับสมอง 

          คนส่วนใหญ่รู้ว่าอวัยวะสำคัญที่เป็นศูนย์ควบคุมและบัญชาการทำงานของร่างกายคือ "สมอง"เป็นหน่วยเก็บความจำและมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และความรู้สึกของคนเราด้วย แต่บางคนอาจไม่รู้ว่า อาหารมีความสำคัญต่อการพัฒนาของสมองไม่แพ้ทางร่างกาย 

          สมองจะทำงานได้ดีโดยเราต้องเลือกการกินอาหารให้หลากหลาย ครบถ้วน ทุกหมวดหมู่ในปริมาณพอเหมาะ ดูแลสุขภาพหลอดเลือดหัวใจไปพร้อม ๆ กัน ร่วมกับการพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าอดนอนหรือนอนดึก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และดื่มน้ำเพียงพอ ฝึกใช้สมองความคิดเสมอ ๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยรักษาและชะลอการเสื่อมของสมองอย่างได้ผลดี

          การจะมีสุขภาพกายและสุขภาพสมองที่ดี ต้องรู้จักที่จะปฏิบัติตนให้มีโภชนาการที่ดี สำหรับหลักการกินเพื่อการส่งเสริมการทำงานของสมอง มีดังนี้





1. กินอย่างฉลาด 

          สารอาหารที่สมองต้องการใช้ในยามเตรียมสอบหรือยามใช้สมองทำงานหนัก ได้แก่ วิตามินบีต่าง ๆ และธาตุเหล็ก อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่ เนื้อสัตว์โดยเฉพาะส่วนของเนื้อล้วน ผักใบเขียวจัด ถั่วเมล็ดแห้ง นอกจากนี้อาหารฟังก์ชั่นบางชนิดที่สะดวกต่อการบริโภค และให้โปรตีนในรูปเปปไทด์ซึ่งร่างกายนำไปใช้ได้ง่ายขึ้น เช่น ซุปไก่สกัด ซึ่งมีผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่าช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารจำพวกธาตุเหล็กที่เป็นองค์ประกอบของเม็ดเลือดแดงได้ดีขึ้นและช่วยให้เลือดขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น จึงช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของสมองในด้านการเรียนรู้และความจำ รวมถึงช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน 

          งานวิจัยที่ผ่านมาพบอีกว่าซุปไก่สกัด มีส่วนช่วยลดความอ่อนล้าของสมอง ช่วยให้มีสมาธิและความจำดีขึ้น ล่าสุดมีงานวิจัยในวารสาร Medicine พบว่า ซุปไก่สกัดมีผลช่วยเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้จดจำ โดยเฉพะความจำระยะสั้นในกลุ่มคนวัยทำงานที่มีภาวะเครียดและวิตกกังวลสูง ส่วนอาหารที่มีวิตามินบีสูง ได้แก่ ธัญพืชไม่ขัดสี จมูกข้าว ไข่และถั่วต่าง ๆ อาหารโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ไก่ ปลา หมู เนื้อ ไข่ รวมทั้งโปรตีนถั่ว ต่างก็ช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง

2. กินอาหารที่มีสารแอนติออกซิแดนท์สูง 

          เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน วิตามินอี ใยอาหาร ซึ่งหากินได้ไม่ยากจากผักผลไม้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นส้ม แอปเปิล กล้วย พรุน เบอร์รี แครอท เป็นต้น สารแอนติออกซิแดนท์จะช่วยลดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นมากในสมองในยามเครียด ทำให้สมองเสื่อมเร็วขึ้น

3. กินให้เป็นเวลา 

          จะช่วยให้รักษาระดับพลังงานของร่างกายและวิตามินแร่ธาตุให้คงที่ ในการที่ร่างกายจะดึงไปใช้ได้ตลอดเวลา  

4. กินอาหารมื้อเล็ก ๆ 5-6 มื้อ 

          ปรับมื้ออาหารหลักให้มีปริมาณน้อยลงโดยกิน 5-6 มื้อต่อวันจะทำให้ระบบของร่างกายทำงานดีขึ้น ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าและสมองไม่ล้าตลอดวันและช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่

5. ห้ามงดอาหารเช้าเด็ดขาด 

          เพราะจะทำให้สมองตื้อได้ อาหารเช้าจะช่วยเสริมพลังให้สมอง แต่ทั้งนี้ขึ้นกับคุณภาพของอาหารเช้า หากเป็นกาแฟ โดนัท หรือเค้ก คุกกี้ ไม่ช่วยให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อาหารเช้าที่ดีควรจะมีโปรตีน แคลเซียม ใยอาหาร ผลไม้และผัก แต่ถ้าต้องการความรวดเร็ว สะดวก ขนมปังโฮลวีทสักแผ่น ซุปไก่สกัดสักขวด แอปเปิลสักผล แครอทสดสักชิ้น นมสักแก้ว ก็ให้สารอาหารดี ๆ มากทีเดียว

6. ให้ผลไม้เป็นอาหารว่างระหว่างวัน 

          เพื่อให้สารอาหารดี ๆ ต่อสมองมากกว่าขนมที่มีไขมันสูง เพราะผลไม้เป็นแหล่งของสารแอนติออกซิแดนท์ที่จะช่วยลดอนุมูลอิสระที่จะทำลายสมอง เช่น บลูเบอร์รี พรุน มีสารแอนติออกซิแดนท์สูงสุดในบรรดาผลไม้ด้วยกัน 

7. ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ 

          ควรดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว เน้นการดื่มน้ำสะอาด หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและคาเฟอีน คาเฟอีนมากไปจะทำให้เกิดอาการกระสับกระส่ายได้ 

          นอกจากการปฏิบัติตามหลักข้างต้น ต้องหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน ไม่สูบบุหรี่ และพยายามหมั่นทำจิตใจให้แจ่มใส ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพียงแค่นี้คุณก็จะมีสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและสมองได้ไม่ยากเลย 

ข้อมูลโดย อ.ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพจากสหรัฐอเมริกา
cr.kapook.com

----------------------------------------------------------------
‪#‎Mainnox‬ - เมนน็อกซ์ ‪#‎บรรเทาอาการปวด‬ ‪#‎ลดอาการเกร็ง‬ 
- ยาบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนอย่างมีประสิทธิภาพ
- ผลิตภัณฑ์ตัวเดียว ที่มีสารMefenamix acid เพื่อลดอาการปวด
- และ Dicyclomine HCI เพื่อลดอาหารเกร็งของกล้ามเนื้อ 
ซึ่งเป็น2อาการหลักของผู้ปวดท้องประจำเดือน
----------------------------------------------------------------
• มีสารDicyclomine HCI เพื่อลดอาหารเกร็ง
• หาซื้อได้ตามร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ
>>> Line ID : @Mainnox หรือ กด http://line.me/ti/p/%40mainnox


วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เช็กด่วน! ปัญหาสุขภาพ สัญญาณเตือนร่างกายขาดวิตามินดี

วิตามินดี เป็นสารอาหารสำคัญที่มีต่อร่างกายไม่น้อยทีเดียว หลายคนอาจจะหันไปให้ความสนใจแต่วิตามินหรือสารอาหารอื่นๆ จนละเลยการรับประทานอาหารที่มีวิตามินดี หรือแม้กระทั่งการตากแดดอ่อนๆ ยามเช้าก็ยังหลีกเลี่ยง จนทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมา
เรามาดูกันนะคะว่าปัญหาสุขภาพที่เกิดจากร่างกายมีอะไรบ้าง มาเช็กกันได้เลยค่ะว่าสัญญาณเตือนขาดวิตามินดีในร่างกายของคุณ มีแบบนี้บ้างหรือเปล่า?
ผิวคล้ำง่ายขึ้น
มีผลการศึกษาจากทางการแพทย์ค้นพบว่า แสงแดดที่มีระดับความรุนแรง โดยมีค่า SPF 30 จะลดประสิทธิภาพของการผลิตวิตามินดีในผิวได้มากถึง 97% นั่นก็หมายความว่า ผิวหนังของคนเราจะสามารถต้านทานแสงแดดได้น้อยลง จนทำให้เกิดสีผิวดำคล้ำจากแดดได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้น หากใครรู้สึกว่าผิวพรรณเริ่มหมองคล้ำจากแดดง่าย นั่นก็บ่งบอกแล้วนะคะว่าร่างกายกำลังเตือนให้คุณหันมากินวิตามินดีเพิ่มขึ้นแล้วนั่นเอง


ปวดเมื่อยตามตัวบ่อยๆ
ยิ่งในช่วงหน้าหนาวและตอนเช้าๆ ที่ลุกขึ้นจากเตียง หากรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย ทั้งกลามเนื้อต่างๆ และกระดูก นั่นบ่งบอกได้ว่าร่างกายกำลังขาดวิตามินดีสูงกว่า 80% เลยทีเดียว
มีอาการซึมเศร้า
เพราะวิตามินดีเป็นสารอาหารที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยกระตุ้นการทำงานของสารสื่อนำประสาทเซโรโทนิน โดยมีความสอดคล้องกันกับผลการศีกษาจากทางการแพทย์ในปี ค.ศ. 1998 ที่ได้พิสูจน์ในกลุ่มอาสาสมัครที่ร่างกายได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอ ซึ่งพบว่า พวกเขามีภาวะอารมณ์ที่เป็นไปในทางบวก มากกว่าอาสาสมัครที่ร่างกายไม่ได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอ

เกิดปัญหาภายในสุขภาพช่องท้อง
เนื่องจากวิตามินดีมีส่วนกระตุ้นลำไส้ให้สามารถดูดซึมไขมันได้ดีมากขึ้น แต่หากร่างกายได้รับวิตามินดีในปริมาณไม่เพียงพอ การดูดซึมไขมันก็จะทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพได้ดังเดิม จนทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องบิด ท้องเสีย และลำไส้อักเสบ ตลอดจนอาการต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ภายในช่องท้องทั้งหมด เพราะฉะนั้น หันมากินวิตามินดีให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายกันจะดีกว่านะคะ
เหงื่อออกเยอะ
การที่ร่างกายมีเหงื่อออกเยอะ ก็อาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากสภาพอากาศร้อนอบอ้าวหรือมีไข้ เพราะแพทย์ได้บอกไว้ว่า การที่เหงื่อออกมากจนสังเกตได้อย่างชัดเจน แปลว่าร่างกายกำลังขาดวิตามินดีมากพอสมควร และถ้าไปรักษากับแพทย์ แพทย์อาจจะจัดวิตามินดีให้ผู้ป่วยรับประทานเช่นกัน
จะเห็นได้ว่าการขาดวิตามินดี หรือร่างกายได้รับวิตามินดีไม่เพียงพอส่งผลต่อสุขภาพร่างกายอย่างไรบ้าง ใครที่มีปัญหาเหล่านี้อยู่ ลองหันมารับวิตามินดีง่ายๆ ด้วยการรับแสงแดดยามเช้าๆ โดยเฉพาะช่วงเวลา 7.00-9.00 น. หลังจากนั้นแล้ว แสงแดดจะร้อนแรงมาก หากตากแดดล่ะก็อาจเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังแทนได้ค่ะ
ขอบคุณภาพประกอบจาก : istock
CR.sanook.com
----------------------------------------------------------------
‪#‎Mainnox‬ - เมนน็อกซ์ ‪#‎บรรเทาอาการปวด‬ ‪#‎ลดอาการเกร็ง‬ 
- ยาบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนอย่างมีประสิทธิภาพ
- ผลิตภัณฑ์ตัวเดียว ที่มีสารMefenamix acid เพื่อลดอาการปวด
- และ Dicyclomine HCI เพื่อลดอาหารเกร็งของกล้ามเนื้อ 
ซึ่งเป็น2อาการหลักของผู้ปวดท้องประจำเดือน
----------------------------------------------------------------
• มีสารDicyclomine HCI เพื่อลดอาหารเกร็ง
• หาซื้อได้ตามร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ
>>> Line ID : @Mainnox หรือ กด http://line.me/ti/p/%40mainnox